#พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์วาสนาสมเด็จพระสังฆราช (วาสน์) วัดราชบพิธฯ ปี๒๕๓๑ เนื้อนวโลหะ สร้างเป็นที่ระลึกในคราวที่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) วัดราชบพิธฯ มีพระชนมายุครบ ๙๐ พรรษา(ในหลวง ร.9 เสด็จในพิธี)
*เนื้อนวโลหะ จัดสร้าง 1991 องค์ สภาพสวยกล่องเดิมๆหายาก
**ส่วนใหญ่พระเถราจารย์ที่เข้าร่วมพิธีเป็นพระเถราจารย์สายกรรมฐาน (สายวัดป่า)
***ในหลวงรัชกาลที่9เสด็จในพิธี
สร้างเป็นที่ระลึกในคราวที่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) วัดราชบพิธฯ มีพระชนมายุครบ ๙๐ พรรษา ออกแบบและแกะแม่พิมพ์โดยช่างเกษม มงคลเจริญ
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสน์ วาสนมหาเถระ) พระองค์ทรงเป็นพระสังฆราชที่น่าเคารพบูชามากๆท่านหนึ่ง ท่านเป็นชาวอยุธยา เกิดเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2440 ที่บ้านตำบลบ่อโพง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้บวชตั้งแต่เป็นเป็นสามเณรเมื่ออายุ 16 ปี ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2455 พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ทรงเป็นพระอุปัชฌายะ พระวินัยมุนี (แปลก วุฑฺฒิญาโณ) วัดราชบพิธ เป็นศีลาจารย์ บรรพชาอยู่จนครบอุปสมบท ท่านอุปสมบท ณ วัดราชบพิธสถิตมหามาราม เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2461 สมเด็จพระสังราชเจ้าพระองค์เดิมนั้นเป็นพระอุปัชฌายะ พระวินัยมุนี (แปลก วุฑฺฒิญาโณ) วัดราชบพิธ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระญาณดิลก (รอด วราสโย) วัดเสนาสนาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นศีลาจารย์ มีพระฉายาว่า “วาสโน”
บรรพชาอุปสมบทแล้ว ได้ศึกษาปริยัติธรรมตามลำดับ สอบได้เปรียญ 4 ประโยค
สถาบันทางศึกษาทางพระพุทธศาสนา ได้ถวายปริญญาดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ 2 สถาบัน และรัฐบาลอินเดียได้อนุมัติปริญญาดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาอักษรศาสตร์ โดยมหาวิทยาลัยพาราณสี ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐบาลกลาง เป็นผู้ดำเนินการประกอบพิธีทูลถวาย ด้วยความสามารถของพระองค์จึงได้รับตำแหน่งต่างๆในทางสมณศักดิ์ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เมื่อปี2506 และได้รับการแต่งตั้งเป็นสมเด็จพระอริยวงศา คตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 22 มิถุนายน พ.ศ. 2517
พระองค์นอกจากจะมีความสามารถด้านการปกครองเป็นเยี่ยม ในด้านการเผยแผ่ศาสนาพระองค์ก็ได้ทำอย่างต่อเนื่อง ความสามารถพิเศษในเรื่องการแต่งบทกลอนกวีซึ่งมีผลงานมากมาย นอกจากนี้พระองค์ยังเป็นพระผู้ใหญ่ที่ไม่ถือตัว และเป็นที่รักเคารพของพระสงฆ์ในสมัยนั้น
เมื่อพระองค์มีอายุ 90พรรษาเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2531รัฐบาลเห็นสมควรจัดงานเฉลิมฉลองขึ้นให้สมพระเกียรติ และเมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับงานนี้ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงเป็นงานบำเพ็ญพระราชกุศลฉลองพระชนมายุ 90 พรรษา และได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มายังพระอุโบสถวัดราชบพิธ ถวายน้ำสรงสมเด็จพระสังฆราช ถวายดอกไม้ธูปเทียนแพ ถวายพัดยศพิเศษ คือ พัดแฉกงาประดับพลอยที่เคยพระราชทานเฉพาะเจ้าคณะใหญ่ฝ่ายธรรมยุตที่เป็นพระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ พร้อมกันนั้นได้ถวายพัดรัตนาภรณ์ ภ.ป.ร. ชั้น 1 ซึ่งเป็นพัดประจำรัชกาลที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นสำหรับพระราชทานแก่พระสงฆ์ที่ทรงเคารพนับถือและคุ้นเคยเป็นส่วนพระองค์ อันมีจำนวนน้อยรูป และเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ได้รับถวายพัดรัตนาภรณ์ ภ.ป.ร. นี้ เป็นรูปที่ 5 เท่านั้น
ในงานบำเพ็ญพระราชกุศลฉลองพระชนมายุครั้งนี้ ปรากฏว่าพุทธศาสนิกชนทั้งบรรชิตและฆราวาสมีความปลื้มปีติยิ่ง ได้เดินทางมาถวายสักการะถวายพระพรกันอย่างล้นหลามยิ่งกว่าที่เคยปรากฏในกาลก่อน
ในพิธีนี้มีการจัดสร้างพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ ฉลองอายุ 90 พรรษา มีพิธีพุทธาภิเษกใหญ่โดยเชิญพระคณาจารย์มาร่วมปลุกเสกมากมายทั้งพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่นและพระเกจิเรืองวิทยาคม ออกแบบและแกะแม่พิมพ์โดยช่างเกษม มงคลเจริญ องค์พระจึงมีความงดงามมาก
สมเด็จพระสังฆราช(วาสน์) ได้สิ้นพระชนม์ด้วยพระอาการสงบ เมื่อ วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม 2531 ณ โรงพยาบาลศิริราช
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปริณายก (วาสน์ วาสโน)
สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 18
แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (วาสน์ วาสโน) เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 18 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร พระองค์มีพระนามเดิมว่ามัทรี นิลประภา ภายหลังเปลี่ยนพระนามเป็น วาสน์ ประสูติเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2440 ที่อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทรงบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อปี พ.ศ. 2455
พระองค์ได้บรรพชา ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เมื่อปี พ.ศ. 2455 พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้าเมื่อดำรงพระยศเป็นกรมหมื่นเป็นพระอุปัชฌาย์ อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2461 โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า "วาสโน" เมื่ออุปสมบทแล้วได้ศึกษาพระปริยัติธรรมตามลำดับและสอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค
พ.ศ. 2465 และ 2466 เป็นพระครูโฆสิตสุทธสร พระครูธรรมธร และพระครูวิจิตรธรรมคุณ ตามลำดับ พระครูฐานานุกรมในพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัตน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า และเป็นกรรมการตรวจธรรมและบาลีสนามหลวง
พ.ศ. 2477 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระจุลคณิศร พระราชาคณะปลัดซ้ายของพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
พ.ศ. 2489 เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชกวี และรักษาการณ์เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
พ.ศ. 2490 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพโมลี
พ.ศ. 2492 เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมปาโมกข์
พ.ศ. 2500 เป็นรองสมเด็จพระราชาคณะที่ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ ญาณวิสุทธิจริยาปริณายก ตรีปิฎกคุณาลังการ นานานสถานราชคมนีย์ สาธุการีธรรมากร สุนทรศีลาทิขันธ์
พ.ศ. 2506 เป็นสมเด็จพระราชาคณะ ชั้นสุพรรณบัฏที่ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ และเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม
พ.ศ. 2517 เป็นสมเด็จพระสังฆราช ที่ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สุขุมธรรมวิธานธำรง สกลมหาสงฆปริณายก ตรีปิฎกคัมภีรญาณ วาสนภิธานสังฆวิสุต ปาวจนุตตมโสภณ ภัทรผลสาธารณูปกร ชินวรวงศวิวัฒ พุทธบริษัทคารวสถาน วิจิตรปฏิภาณพัฒนคุณ วิบุลศีลสมาจารวัตรสุนทร บวรธรรมบพิตร สมเด็จพระสังฆราช
ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงถวายพระสุพรรณบัฏเนื่องในพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสน์ วาสนมหาเถร)
พระองค์ได้บริหารงานพระศาสนา ในการคณะสงฆ์มาโดยตลอดเป็นอันมาก พอประมวลได้ดังนี้
พ.ศ. 2486 เป็นผู้ช่วยเจ้าคณะตรวจการภาคกลาง และภาค 2 เป็นเจ้าคณะอำเภอพระนคร และเป็นกรรมการการสังคายนาพระธรรมวินัย
พ.ศ. 2481 เป็นกรรมการคณะธรรมยุต
พ.ศ. 2485 เป็นกรรมการมหามงกุฎราชวิทยาลัย เป็นคณาจารย์เอกทางรจนาพระคัมภีร์ และเป็นสมาชิกสภาสังฆสภา
พ.ศ. 2491 เป็นเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และเป็นเจ้าคณะตรวจการณ์ภาค 1
พ.ศ. 2494 เป็นเจ้าคณะธรรมยุต ผู้ช่วยภาค 1-2-6 และเป็นเจ้าคณะจังหวัด พระนคร-สมุทรปราการ และนครสวรรค์
พ.ศ. 2504 เป็นผู้รักษาการณ์ในตำแหน่งเจ้าคณะธรรมยุต ภาค 1-2-6 และเป็นอุปนายกกรรมการมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยฯ
นายกกรรมการและนายกสภาการศึกษา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุติกนิกาย
ประธานการศึกษาของคณะสงฆ์
ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม
ประธารกรรมการมูลนิธิส่งเสริมกิจการศาสนา และมนุษยธรรม
เป็นองค์อุปถัมภ์ในกิจการด้านการพระศาสนา และการสงเคราะห์ในด้านต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก เช่น มูลนิธิสังฆประชานุเคราะห์ สัมมาชีวศิลปมูลนิธิ ศูนย์และชมรมพุทธศาสนาในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถร) สถานสงเคราะห์คนชราวาสนเวศน์ และมูลนิธิสมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถร) เป็นต้น
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (วาสน์ วาสโน) เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 18 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ทรงดำรงตำแหน่งเมื่อปี พ.ศ. 2517 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงอยู่ในตำแหน่ง 14 พรรษา สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2531 พระชนมายุ 91 พรรษา
หน้าที่เข้าชม | 3,840,435 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,450,850 ครั้ง |
เปิดร้าน | 25 เม.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 7 ก.ย. 2568 |