#พระกริ่งชินบัญชรฉลองพระชันษา 100 ปี
สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร ปี 2556
เนื้อนวโลหะผสมทองคำก้นอุดผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม
พิธีใหญ่ มวลสารเด่น นิยม
(1 ใน 599 องค์)หายาก
"พระกริ่งชินบัญชรฉลองพระชันษา ๑๐๐ปี" สมเด็จพระญาณสังวร"
เป็นพระกริ่งองค์สุดท้ายที่สร้างขณะที่พระองค์ทรงพระชนม์ชีพอยู่ กล่าวคือ พระกริ่งชินบัญชร ๑๐๐ ปีได้เข้าพิธีพุทธาภิเษก ตลอดเดือนกันยายน ปี ๒๕๕๖ จรดต้นตุลาคม ปี ๒๕๕๖ ซึ่งพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ในวันที่ ๒๔ คุลาคม ๒๕๕๖
- เนื้อนวโลหผสมทองคำก้นอุดผงพุทธคุณ(ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม)
-พระกริ่งอุดผงพรายกุมาร ฝังพลอยกินบ่เซี่ยม หลวงปู่ทิม ฝังตะกรุดทองแดง
พระกริ่งอุดผงพรายกุมาร ฝังพลอยกินบ่เซี่ยม หลวงปู่ทิม ฝังตะกรุดทองแดง อุดด้วยผงพรายกุมารแบบปกติและพลอยเสกเป็นเศษพลอยที่มีขนาดเล็ก ฝังด้วยตะกรุดทองแดงจารยันต์พุทโธ ในแนวตั้งครึ่งดอก เพราะความลึกของฐานไม่ลึกพอที่จะฝังเต็มดอก ทาฐานด้วยทองบอร์น
จำนวนการจัดสร้าง 599 องค์(มีหมายเลขกำกับทุกองค์)
******พบเจอและหายากมากในปัจจุบัน******
🔶 จากคำบอกเล่าจากคณะผู้จัดสร้างพระชุดนี้ :
.
ผู้จัดสร้างฝ่ายฆราวาส ท่านหนึ่งเล่าให้เราฟังว่า คณะผู้จัดสร้างตั้งใจจะสร้างพระที่ดีที่สุดเพื่อถวายสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร ซึ่งเปรียบเมื่ออาจารย์ (ท่านเคยบวชที่วัดบวรในปี พ.ศ. ๒๕๓๐เศษๆ ) ในวาระสำคัญยิ่งใน วาระ ๑๐๐ พรรษาของพระองค์ ซึ่งเป็นสมเด็จพระสังฆราชที่ทรงพระชนม์ชีพยาวนานที่สุดตั้งแต่มีพระสังฆราชมาในกรุงรัตนโกสินทร์
.
จึงมีการหารือกันว่าจะจัดสร้างพระอะไรดี ? เพื่อเทอญพระเกียรติพระองค์วาระสำคัญนี้ สรุปได้ความว่า : ควรจะจัดสร้างพระกริ่ง ซึ่งวัดบวรฯ เป็นต้นกำเนินพระกริ่งในยุครัตนโกสินทร์ ที่สืบทอดมาจากตำหรับของสมเด็จพระพนรัต วัดป่าแก้ว โดยว่าสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ซึ่งเป็นผู้ได้รับสืบทอดในขณะที่ทรงประทับ ณ วัดบวรฯ ได้ให้กำเนินพระกริ่งปวเรศองค์แรกขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๓๘๒-๒๔๓๔ ร้อยกว่าปีที่แล้ว และ สืบทอดตำหรับสร้างพระกริ่งต่อเนื่องมา เป็นสูตรการสร้างพระกริ่งของวัดบวรฯ ที่ได้รับการยกย่องเป็นต้นตำหรับพระกริ่งหล่อโบราณที่งดงามที่สุดในประเทศไทย และเป็นต้นแบบพระกริ่งหลายๆ องค์ในปัจจุบัน
.
🔶 เมื่อตัดสินใจดังนั้น จึงต้องเฟ้นหานายช่างซึ่งชำนาญการหล่อพระกริ่งแบบโบราณซึ่งนับวันจะสูญหาไปไร้คนสืบทอด เมื่อสืบหาช่างฝีมือที่มีความเชี่ยวชาญด้านหล่อพระกริ่งหล่อโบราณ พบว่านายช่างสมร รัชชนะธรรมซึ่ง เทหล่อพระกริ่งชินบัญชรของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปี พ.ศ. ๒๕๑๗ ปัจจุบันท่านอายุ ๘๐ กว่าแล้ว ท่านยินดีที่จะรับงานแกะพิมพ์และเทหล่อให้ แต่ช่างแต่ละคนมีอัตลักษณ์ของตัวเอง การแกะหุ่นเทียนจนกระทั่งเทคนิคการเทหล่อ
.
เมื่อนายช่างสมร รัชชนะธรรม แกะหุ่นเทียนเสร็จออกมา มีพุทธลักษณ์เหมือนพระกริ่งชินบัญชร หลวงปู่ทิม ปี ๒๕๑๗ ที่ท่านได้แกะพิมพ์ไว้เมื่อ ๔๐ ปีที่แล้ว แทบจะเป็นคู่แฝดการเลย แม้นจะงดงามมากเพราะได้ฝึกปรือฝีมือมาอีกยาวนานกว่า ๔๐ ปี ด้วยเหตุที่เหมือนพระกริ่งชินบันชร หลวงปู่ทิม ปี ๒๕๑๗ มาก จึงมีการเสนอให้ปรับพิมพ์จากปางมารวิชัยของพระกริ่งชินบัญชร หลวงปู่ทิม ปี ๒๕๑๗ เป็นปางสมาธิเพชร แบบพระกริ่งบวรรังสี ปี ๒๕๒๘ ซึ่งเป็นพระกริ่งที่มีค่านิยมสูงสุดของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร ซึ่งเมื่อปรับตามแบบที่เสนอ จึงได้พระกริ่งชินบัญชร ๑๐๐ ปี ที่สวยสมบูรณ์อย่างยิ่ง
.
🔶 ความเกี่ยวเนื่องดังที่กล่าว ทำให้พุทธลักษณ์ของพระกริ่งชินบัญชร ๑๐๐ ปี จึงคล้ายกันพระกริ่งชินบัญชร หลวงปู่ทิมปี ๒๕๑๗ อย่างมาก ทางคณะผู้จัดสร้างจึง ให้เกียรติแก่หลวงปู่ทิมอันเป็นพระต้นแบบ ดำริจะนำชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ต่างๆรวมทั้งชนวนพระกริ่งหลวงปู่ทิม ปี ๒๕๑๗ มาบรรจุในการเทหล่อพระชุดนี้ด้วย พระชุดที่มีการอุดผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม พระกอบด้วยกัน ๔ แบบ
.
๑. พระชุดนำฤกษ์กรรมอุปถัมภ์ ประกอบด้วยพระ ๔ องค์ไม่ตัดก้าน พระกริ่ง พระชัย พระสังกัจจายน์และพระปิดตา ล้วนอุดผงด้วยผงพรายกุมาร และฝังพลอยเสกกินบ่เซี่ยม เสกหลวงปู่ทิม
๒.พระกริ่งอุดผงพรายกุมาร ฝังพลอยเสกกินบ่เซี่ยม หลวงปู่ทิม ฝังตะกรุดทองคำ แต้มชาด องค์กรรมการ
๓.พระกริ่งอุดผงพรายกุมาร ฝังพลอยกินบ่เซี่ยม หลวงปู่ทิม ฝังตะกรุดเงิน แต้มหรดาล องค์กรรมการ
๔.พระกริ่งอุดผงพรายกุมาร ฝังพลอยกินบ่เซี่ยม หลวงปู่ทิม ฝังตะกรุดทองแดง
.
🔷 ผงพรายกุมารที่ใช้อุดในพระกริ่งชินบัญชร ๑๐๐ ปี ได้รับมอบผงพรายกุมารแท้ ๆ จากนายสาย แก้วสว่าง อดีตไวยาวัจกรวัดละหารไร่ ส่วนพลอย”กินบ่เซี่ยม”ที่บรรจุในพระกริ่งชุดนี้ เป็น พลอยเสกชุดที่นำมา ทีโรยในพระปิดตาผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม ปี ๒๕๑๗ พลอยเสกชุดนี้ได้มาจากคนอุดผงพรายปี ๒๕๑๗ โดยตรง เป็นพลอยขุดเจอที่เหมืองบ่อไร่ จ.ตราด และบางกะจะ จันทบุรี หมดไปตั้งแต่ปี ๒๕๑๗-๒๕๑๘ แล้ว หลวงปู่ทิมยังเคยกล่าวไว้ว่า พลอยนี้เขาเรียกว่า “กินบ่เซี่ยม” แปลว่า กินไม่หมด เหลือกินเหลือใช้เหลือเก็บเสมอ ๆ
.
🔷 นอกจากอุดผงพรายกุมาร และฝังพลอยเสกกินบ่เซี่ยม หลวงปู่ทิมแล้ว ยังได้ฝังตะกรุดสาริกาจารยันต์พุทโธ ที่ลงยันต์ตัวผู้-ตัวเมีย ภาษาชาวบ้านเขาเรียกกันอย่างนี้มาแต่โบราณ คือยันต์พุท ๑ ดอก ยันต์โธ ๑ ดอก จะเป็นคู่กันในดอกเดียวกัน
.
คาถาพุทโธ เป็นบทภาวนาที่สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร ทรงใช้ภาวนาในขณะทรงประทับนั่งสมาธิวิปัสสนากัมมัฏฐาน เรียกว่าบทภาวนา พุทโธ ที่ใช้กันในหมู่พระสายกัมมัฏฐาน สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซึ่งเป็นพระป่าดังที่ทราบกันดี และสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร ทรงอุปถัมภ์พระป่าสายพระอาจารย์มั่นมาช้านานกับทรงเคยออกธุดงค์กับพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร และหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน รวมถึงไปสนทนาธรรมกับพระป่าสายพระอาจารย์มั่นหลายท่าน เช่น หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงปู่สาม อกิญจโน หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท ฯลฯ
.
🔴 ความแตกต่างในพระอุดผงพรายกุมาร ฝังพลอยกินบ่เซี่ยม หลวงปู่ทิม แบบต่างๆยังมีความแตกต่างปลีกย่อยเกือบทุกองค์ ดังนี้
.
๑.พระชุดนำฤกษ์กรรมอุปถัมภ์ เป็นพระนำฤกษ์ที่อุดด้วยผงพรายกุมารแบบเข้มข้น และฝังเม็ดพลอยกินบ่เซี่ยม ทาด้วยทองบอร์นที่ฐานและฝังด้วยตะกรุดสาริกาจารยันต์พุทโธทองคำ ฝังแบบเต็มดอกในแนวขว้าง
พระชุดนี้ประกอบด้วยพระ ๔ องค์คือพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ พระสังกัจจายน์ และพระปิดตา แบบไม่ตัดก้าน หรือเรียกว่าพระยอดธง พระชุดนี้เปรียบดังธงชัยของพระกริ่งชินบัญชร ๑๐๐ ปี
๒.พระกริ่งอุดผงพรายกุมาร ฝังพลอยเสกกินบ่เซี่ยมของหลวงปู่ทิม ฝังตะกรุดทองคำ แต้มชาด องค์กรรมการ ลงรักปิดทองด้วยแผ่นทองคำสวิส ๙๙.๙๙% พระกริ่งเป็นพระนำฤกษ์ อุดด้วยผงพรายกุมารแบบเข้มข้น พลอยเสกเป็นพลอยเม็ด ตะกรุดทองคำเป็นตะกรุดทองคำสาริกาจารยันต์พุทโธเต็มดอกฝังในแนวขว้าง
การแต้มชาด(จุดสีแดง) “จุด”หรือ Bindu มาจากคำสันสฤต จุดสีแดงการแต้มจุดสีแดงนี้ เชื่อว่าจะนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง
๓.พระกริ่งอุดผงพรายกุมาร ฝังพลอยกินบ่เซี่ยม หลวงปู่ทิม ฝังตะกรุดเงิน แต้มหรดาล องค์กรรมการ ลงรักปิดทองด้วยแผ่นทองคำสวิส ๙๙.๙๙% พระกริ่งเป็นพระนำฤกษ์ อุด้วยผงพรายกุมารแบบเข้มข้น พลอยเสกเป็นพลอยเม็ด ตะกรุดเงินเป็นตะกรุดเงินที่ใช้เหรียญเงินสมัย ร.๕ และเงินพดดวงสมัย ร.๔ เป็นชนวนรีดแผ่นจารยันต์พุทโธ ฝังแบบเต็มดอกในแนวขว้าง
การแต้มสีเหลือง หรือ หรดาล หริดาล มโนศิลา เป็นส่วนหนึ่งของมวลสารศักดิ์สิทธิ์ ที่ใช้สร้างพระสมเด็จวัดระฆังเนื้อเหลืองในยุคนั้นเรียกกันว่าเนื้อกล้วย จึงเป็นการเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์และมงคลให้แก่พระกริ่งองค์นี้
๔.พระกริ่งอุดผงพรายกุมาร ฝังพลอยกินบ่เซี่ยม หลวงปู่ทิม ฝังตะกรุดทองแดง อุดด้วยผงพรายกุมารแบบปกติและพลอยเสกเป็นเศษพลอยที่มีขนาดเล็ก ฝังด้วยตะกรุดทองแดงจารยันต์พุทโธ ในแนวตั้งครึ่งดอก เพราะความลึกของฐานไม่ลึกพอที่จะฝังเต็มดอก ทาฐานด้วยทองบอร์น
.
⭕️ พระกริ่งชินบัญชร ๑๐๐ ปี ของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร ได้ผสมผสานเข้ากับพระกริ่งชินบัญชร หลวงปู่ทิมปี ๒๕๑๗ ได้อย่างลงตัว และยังได้ชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ของพระทั้ง ๒ สายมาประกอบขึ้นเป็นพระกริ่งองค์ใหม่ที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่แพ้กันเลย
.
จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไม่พระกริ่งชินบัญชร ๑๐๐ ปี ถึงได้ขึ้นชั้นอันดับพระกริ่งยอดนิยมระดับTop ten ของวัดบวรฯได้เร็วแบบนี้ ค่านิยมสูงขึ้นทุกวัน จากชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์มากมาย อีกทั้งพุทธลักษณ์งดงามที่มีอัตลักษณ์ของตัวเอง
พระกริ่งชินบัญชรฉลอง ๑๐๐ พรรษา สมเด็จพระญาณสังวร พ.ศ.๒๕๕๖
ตอกโค๊ตตอกเบอร์ทุกองค์ พระกริ่งหล่อดินไทยโบราณองค์งาม
วัตถุมงคลชุดชินบัญชร พระชนมายุ ๑๐๐ พรรษาสร้างจากชนวนมวลสารที่เกี่ยวเนื่องกับพระคาถาชินบัญชรด้วยกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะพระชุดโลหะคือ พระกริ่งชินบัญชร พระชัยวัฒน์ชินบัญชร พระสังกัจจายน์ชินบัญชร และพระปิดตาชินบัญชร นอกจากจะสร้างจากแผ่นยันต์ ๑๐๘ และนปถมัง ๑๔ นะ แผ่นยันต์พระคาถาชินบัญชรทั้งภาษาไทย ภาษาขอม ภาษาธรรมล้านนา ชนวนพระกริ่งชินบัญชรรุ่นแรกหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปี ๒๕๑๗ ชนวนพระกริ่งรุ่นเก่าๆ ของวัดบวรฯ วัดสุทัศน์ฯ ชนวนพระกริ่งวัดอื่นๆ และชนวนพระหลวงปู่ทวดวัดช้างให้ ฯลฯ
มวลสารสำคัญที่วัดอื่นไม่มีก็คือตะปูสังฆวานร จากพระอุโบสถวัดบางหว้าใหญ่ พระอุโบสถหลังเดิมของวัดระฆังโฆสิตารามราชวรวิหารสมเด็จโต ประสิทธิ์ประสาทพระคาถาชินบัญชรแด่สมเด็จพระพุฒาจารย์(ม.จ.ทัต เสนีย์วงศ์) เจ้าอาวาสรูปต่อมา
.
พระอุโบสถหลังนี้ใช้ประกอบสังฆกรรมมาตั้งแต่สร้างวัดในสมัยกรุงศรียุธยาตอนกลาง ตะปูสังฆวานร จะเข้มขลังศักดิ์สิมธิ์เพียงใด เพราะมีการสวดพระคาถาชินบัญชรมาช้านานก่อนที่สมเด็จโต ท่านจะมาสวดต่อในสมัยท่านอีกสมัยหลัง ๆ ก็สวดต่อมา และมาบูรณะรื้อออกเพราะความเก่า
.
ได้รับมอบตะปูสังฆวานร มีตะปูสังฆวานรขนาดใหญ่สูงเป็นเมตร ๆ เลย
มมีตะปูสังฆวานรตอกเครื่องไม้ ที่เรียกว่ารอดบน ก็คือเวลาจะรอดเข้าประตูพระอุโบสถ ภาษาช่างเขาเรียกรอดบน แต่รอดล่าง ไม่เอามาใช้ รอดล่างอาจจะมีสุภาพสตรีข้าม
พระกริ่งชินบัญชร ๑๐๐ พรรษา ก้นทองแดง ข้างในก็"บรรจุเม็ดกริ่ง"ที่พระองค์ท่านทรงอธิฐานจิตมาแล้วหลายวาระ เข้าพิธีพุทธาภิเษกที่วัดบวรฯมาตั้งแต่ปี 2533
.
พระกริ่งชินบัญชรเนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนวโลหะก้นทองคำ ก้นเงิน และก้นทองแดงที่บรรจุเม็ดกริ่ง ๆ นั้นพระองค์ท่านทรงอธิฐานจิตมาแล้วทุกเม็ด
พระกริ่งรุ่นนี้ ฉีกแนวความคิดของช่างหล่อที่ว่าตะปูสังฆวานรจะเหมือนตะกั่วที่ทำให้พระกริ่งที่หล่ออกมาจะเสีย ปรากฏหล่อออกมาพระกริ่งเนื้อแข็งกว่านวโลหะปกติครับ จะมีปัญหาก็ตรงเนื้อเก่าจัด กินกันหมายถึงเข้ากันยากครับเลยมีปัญหาเรื่องความสวยเลยตรงกับพระกริ่งชินบัญชรหลวงปู่ทิมที่ไม่นิยมในตอนแรกออกเพราะพระไม่สวย มีคนเอามาคืนผู้สร้างคือคุณชินพร เยอะมาก จนแกถอดใจหลวงปู่ทิมจึงเอ่ยอมตะวาจาว่า เขาเอามาคืนก็รับไปเถอะ อีกหน่อยพลิกแผ่นดินก็หาไม่เจอ
นอกจากนี้ยังมีทองแดงสายล่อฟ้าพระเจดีย์ทองวัดบวรฯ นำมาใช้เป็นทองแดงอุดก้นกริ่งแล้วนำส่วนที่เหลือเป็นชนวนผสมในการหล่อ
สุดยอดชนวนพระกริ่งชินบัญชร ได้รวบรวมชนวน สิ่งที่เกี่ยวข้องกับ"คาถาชินบัญชร"ไว้เต็มสูตรเริ่มจาก
๑ . ) "ตะปูสังฆวานร"พระอุโบสถเก่าของวัดบางหว้าใหญ่ (โบสถ์มหาอุตม์) วัดระฆังโฆสิตาราม
๒ . ) ชนวนพระกริ่งชินบัญชรรุ่นแรกหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปี ๒๕๑๗
๓ . ) ทองชนวนที่เหลือจากการหล่อพระกริ่งชินบัญชร ญสส.ปี ๒๕๕๓
๔ . ) แผ่นยันต์ลงอักขระพระคาถาชินบัญชร ภาษาไทย และภาษาขอม
๕ . ) แผ่นยันต์ลงอักขระ ๑๐๘ และ นปถมัง ๑๔ นะ ตามตำราการจัดสร้าง พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ ที่สืบแต่โบราณ
ยังมีสุดยอดชนวนสายวัดบวรฯสำหรับ "พระกริ่งชินบัญชรฉลองพระชันษา ๑๐๐ปี" ยังใช้พระกริ่งปวเรศ 5 รอบ ซึ่งเป็นพระกริ่งที่ใช้กริ่งปวเรศรุ่นแรก เป็นเชื่อชนวน สืบทอดถึงต้นตระกูลพระกริ่งสายวัดบวรฯ และยังบรรจุเชื้อชนวนสำคัญอื่นอีกมากมายเช่น
.
- พระกริ่งไพรีพินาศรุ่นแรกปี ๒๔๙๕
- พระกริ่งบวรรังสีปี ๒๕๒๘
- พระกริ่งปวเรศ ๓๐
- พระกริ่ง ๘๐ พรรษา ๒๕๓๖
- ชนวนพระกริ่งบูชาพระคุณ ๒๕๔๖
- ชนวนพระกริ่งรุ่นเก่าของวัดสุทัศน์ฯ เช่นรุ่น ๒๔๗๙ ชนะคน ๘๒
- พระพุทธชินราชอินโดจีน ๒๔๘๕
- พระกริ่งเชียงตุง ๒๔๘๖ พระกริ่งทองทิพย์ ๒๔๙๕
- พระกริ่งสายฟ้าหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
- พระกริ่งมงคลมหาเศรษฐีหลวงปู่บัวปี ๒๕๕๒
- ชนวนพระกริ่งพันตำลึงทอง หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
- ชนวนพระกริ่งพุทธปริต หลวงปู่ดุลย์
- ชนวนพระกริ่งพรหมมุนี(ผิน) ปี ๒๔๙๗
- ชนวนกริ่ง รุ่นชนะคน ปี ๒๔๘๑
- ชนวนกริ่งหน้าอินเดีย ปี ๒๔๘๒
- ชนวนกริ่งวัดราชบพิช ปี ๒๔๘๑
- ชนวนพระช่อ (พระชัย) หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
- ชนวนพระกริ่งพระเจ้าพรหมมหาราช ปี๒๕๒๑
- ชนวนพระกริ่งทองคูณ หลวงปู่ทองคำ วัดท่าทอง ปี ๒๕๓๗
- ชนวนพระกริ่วเจริญพร หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก ปี ๒๕๓๗
- ชนวนพระสังกัจจายน์ ญส. ปี ๒๕๒๙
- ชนวนรูปหล่อหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ปี๒๕๐๕ และ ปี ๒๕๐๘
- ชนวพระกริ่งมงคลมหาเศรษฐี หลวงปู่บัว (วัดศรีบุรพาราม) ปี ๒๕๕๒
- ตะกรุดสามกษัตริย์โบราณ(ทองคำ เงิน นาค)
- ตะกรุดเก่าไม่ทราบพระคณาจารย์ จำนวน ๒๐๐ ดอก
- ฯลฯ
.
ทองคำบริสุทธิ์หนัก ๑๐ บาท เงินบริสุทธิ์ หนัก ๑๐ กิโลกรัม ปรอทสะตุและโลหะอื่นๆตามสูตรนวะโลหะที่สืบต่อมาแต่โบราณ
ผงพุทธคุณที่นำมาบรรจุในพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ และผสมในพระสมเด็จชินบัญชร ๑๐๐ ปี ประกอบด้วย ผงพุทธคุณของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ แท่งผงพุทธคุณเก่าของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง ที่พบในกรุวัดระฆัง และนำมาเป็นส่วนผสมในการจัดสร้างสมเด็จวัดระฆัง ๑๐๐ ปี, ๑๐๘ ปี, ๑๑๘ ปี และ ๑๒๒ ปี ผงสมเด็จวัดระฆัง-วัดบางขุนพรหมและปิลันทร์ที่ชำรุด ผงพุทธคุณเก่าของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ผงพุทธคุณเก่าของหลวงปู่เหรียญ วัดหนองบัว ผงพุทธคุณเก่าของพระวัดรังสี ว่านมหาเสน่ห์ ๑๐๘ ประการ และผงพุทธคุณเก่าๆ
ผงไม้เครื่องบนหลังคาโบสถ์มหาอุตม์วัดบางหว้าใหญ่ผงรักทองที่ได้จากการบูรณะพระประธานในโบสถ์มหาอุตม์หลังนี้และชิ้นส่วนจากการบูรณะองค์หลวงพ่อโบสถ์น้อย พระเกศา จีวรฉลองพระองค์ ไม้ข่อยสีพระทนต์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ผงพุทธคุณของหลวงปู่ทิมวัดละหารไร่ ว่านมหาเสน่ห์ ๑๐๘ ประการ ฯลฯ อีกมากมาย
ฉนั้น "พระกริ่งชินบัญชรฉลองพระชันษา ๑๐๐ปี" สมเด็จพระญาณสังวร จึงเป็นพระกริ่งที่เรียกว่าพระกริ่งชินบัญชรได้เต็มปากและยังสืบทอดจากพระกริ่งเชื้อสายจากต้นตระกูลพระกริ่งของประเทศอีกด้วย ยังมีเชื่อชนวนสำคัญอีกมากมายที่มีความศักสิทธิ และพุทธคุณสูงส่งอีกมากมาย
ขอบคุณที่มาข้อมูล:แดน ท่าพระจันทร์
หน้าที่เข้าชม | 3,840,435 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,450,850 ครั้ง |
เปิดร้าน | 25 เม.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 7 ก.ย. 2568 |