รหัสสินค้า | 001705 |
หมวดหมู่ | เหรียญที่ระลึกพระมหากษัตริย์ และบุคคลสำคัญ |
ราคา | 0.00 บาท |
คงเหลือ | 0 ชิ้น |
#เหรียญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ(ร.1) วัดพระเชตุพนฯ ปี 2510 เนื้อเงินพร้อมกล่องบรรจุเดิมหายาก(ในหลวงรัชกาลที่9 เสด็จเททอง)
-เหรียญพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 อีกหนึ่งยอดวัตถุมงคล วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ปี 2510 พิธีเดียวกับพระกริ่งพระพุทธยอดฟ้าฯ หลวงปู่โต๊ะ หลวงพ่อเต๋ หลวงพ่อมุ่ย หลวงปู่ธูป ฯลฯ ปลุกเสก เนื้อเงินแท้ สภาพสวย..ผิวเดิมๆ มาพร้อมกล่องบรรจุเดิมสุดคลาสสิคหายาก
เหรียญมีขนาดกว้างประมาณ 2.4 ซม. สูงประมาณ 3.0 ซม.
"พระกริ่งพระพุทธยอดฟ้า" จัดสร้างด้วยพิธีกรรมอันเข้มขลังดีทั้งนอกและดีทั้งในพร้อมสูงค่าด้วยโลหะ "ทองคำ" อันเป็นโลหะที่สูงค่าที่สุดของโลกและมีการลง "อักขระเลขยันต์มงคล" พร้อมบรรจุพระพุทธคุณโดยพุทธาภิเษกตลอด ๓ เดือน แห่งการเข้าพรรษาตามตำราโบราณของ "สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว" ทุกประการและหลังจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จฯ ทรงประกอบพิธีเททองและทำการตกแต่งพร้อมบรรจุเม็ดกริ่งแล้วก็ได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกอีกครั้งพร้อมกับนำ "ทองชนวน" ที่เหลือกับทองคำอีกจำนวนหนึ่งที่ผ่านพิธีพุทธาภิเษกตลอดพรรษากาลเช่นกันเพื่อนำไปจัดสร้าง "เหรียญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช" โดยมอบหมายให้ กองกษาปณ์กรมธนารักษ์ รับดำเนินการโดยแบ่งเป็น ๒ รูปลักษณะดังนี้ "เหรียญทองคำ" และเหรียญเงิน" ทำเป็น "รูปทรงเสมา" ส่วน "เหรียญทองแดง" ทำเป็น "รูปทรงกลม" ด้านหน้าเป็น "พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช" ครึ่งพระองค์และทรงฉลองพระองค์ "จักรพรรดิบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์" ในลักษณะนูนต่ำมีความสวยงามคมชัด ส่วนด้านหลังเป็นตราสัญลักษณ์ "มูลนิธิพระพุทธยอดฟ้า" ที่ "พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช" ทรงมี พระมหากรุณาธิคุณพระราชทานเป็นรูป "พระมหาพิชัยมงกุฎ" ครอบตา "พระมหาจักรี" มีอักษรความว่า "วัดพระเชตุพน
ในปี พ.ศ.2508-2509 เจ้าอาวาสวัดเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือ วัดโพธิ์ท่าเตียน ในขณะนั้น คือ “สมเด็จพระวันรัต” ซึ่งต่อมาได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น “สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชฯ” (ปุ่น ปุณณสิริมหาเถร) ก็ทรงรับรู้ปัญหาและความจำเป็นในการหาทุนมาสนับสนุนการบูรณะพระอารามอันดับหนึ่งของประเทศ จึงทรงมีพระดำริจัดตั้ง “มูลนิธิ” ขึ้นเพื่อนำดอกผลมาเป็นค่าใช้จ่ายในการบูรณะพระอารามต่อไป จึงดำเนินการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต โดยความช่วยเหลือของ “พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าธานีนิวัต กรมหมื่นพิทยลาภพฤติยากร” ประธานองคมนตรีในขณะนั้น นำความขึ้นบังคมกราบทูลเกล้าถึงความจำเป็นซึ่ง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช” ก็ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตและพราชทานนามมูลนิธิว่า “มูลนิธิพระพุทธยอดฟ้า” พร้อมทั้งรับไว้ในพระบรมราชูปถัมถ์อีกด้วย
“สมเด็จพระวันรัต” จึงจัดประชุมกรรมการหลายฝ่ายถึงเรื่องระดมทุนมาจัดตั้งเป็น “กองทุนมูลนิธิ” ผลการประชุมมีมติให้จัดงาน “ทอดผ้าป่ามหากุศล 84,000 องค์” พร้อมทั้งมีการจัดทำ “ของที่ระลึก” สมนาคุณแก่ผู้บริจาคเพราะจะทำให้ให้มีรายได้เข้ากองทุนมากขึ้น โดยสร้างเป็นวัตถุมงคลคือ “พระกริ่ง” และ “เหรียญ”
สำหรับ “พระกริ่ง” ที่ประชุมยังมีมติอีกว่า ควรจัดสร้างด้วย “เนื้อทองคำ” น้ำหนักไม่น้อยกว่า 2 บาท สำหรับสมนาคุณผู้บริจาคตั้งแต่ “5,000 บาท (ห้าพันบาท)” ขึ้นไป และควรสร้างจำนวนจำกัดคือ “1,250 องค์” อันเป็นจำนวนเท่ากับ “พระวิสุทธิสงฆ์” องค์อรหันต์ที่มาประชุมพร้อมกันเป็นมหาสันนิบาตในวันมาฆปุรณมีเพ็ญเดือนสาม ซึ่งเรียกว่า “วันจาตุรงคสันนิบาต” โดยขอบารมีธรรม ของพระอรหันต์เหล่านั้นมารวมไว้ที่ “พระกริ่ง” อันเป็น ปฏิมาของ “พระพุทธเจ้า” โดยตกลงกันว่าควรถวายพระนามว่า “พระกริ่งพระพุทธยอดฟ้า” ด้วยมูลเหตุที่มูลนิธินี้ได้รับพระราชทานนามว่า “มูลนิธิทุนพระพุทธยอดฟ้า” ดังนั้นเพื่อให้สมกับพระนามจึงสร้างด้วย “เนื้อทองคำ” เพียงเนื้อเดียว
ครั้นตกลงกันเป็นมติเอกฉันท์จึงจัดหาทองคำนำมารีดเป็นแผ่นบาง “108 แผ่น” สำหรับลงอักขระ “ยันต์ 108” และอีก “14 แผ่น” สำหรับลงอักขระ “นะปถมัง 14 นะ” ตามตำราของ “สมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้วกรุงเก่า” ที่ตกทอดมายัง “สมเด็จพระพนรัตน์” ปฐมอธิบดีสงฆ์องค์แรกของ “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม” ผู้เป็นพระอาจารย์เจ้าใน “สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตโนรส” และมีการคัดลอกลงในสมุดไทยดำแล้วตกทอดไปยัง “วัดบวรนิเวศวิหาร วัดจักรวรรดิราชาวาส วัดสุทัศน์เทพวรารามและวัดเทพธิดาราม” เป็นต้น และหลังจาก “แผ่นทองคำ” ทั้งหมดทำการลงอักขระยันต์แล้วจึงนำมารวมกับทองคำอื่น ๆ ที่มีประชาชนร่วมบริจาคเพื่อหล่อพระไว้ในพระอุโบสถที่มีการจุดตั้ง “พระวัตรฉัตรธง” โดยมีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ตลอดเวลา 3 เดือน แห่ง “ปุริมเข้าพรรษา” ซึ่งท่านเจ้าคุณ “พระเทพวรมุนี” (ฟุ้ง ปุณณโก) เป็นหัวหน้าในการนำสวดพระพุทธมนต์บทต่าง ๆ อาทิ “ชินบัญชรคาถา ธรรมจักรกัปปวัตตนสูตร โพชฌงค์ปริตร เจ็ดตำนาน มงคลจักรวาล ฯลฯ”
จนกระทั้งถึงวันอาทิตย์ แรม 8 คำ เดือน 11 ซึ่งตรงกับ วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2509 อันเป็นวันที่ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช” เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพระราชพิธีพระราชทานถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามเป็นโบราณราชประเพณีทุกปี ซึ่งวันนั้นได้เสด็จฯเป็น “วัดที่ 3” (วัดแรกคือวัดมกุฎฯ) ซึ่งในบันทึกพระนิพนธ์เรื่อง “มูลนิธิทุนพระทุทธยอดฟ้าในพระบรมราชูปถัมถ์” ของ “สมเด็จพระสังฆราช” (ปุ่น ปุณฺณสิริมหาเถร) ได้บันทึกความสำคัญในวันที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเสด็จฯทรงประกบพิธีเททองหล่อพระกริ่งพระพุทธยอดฟ้าไว้ดังนี้
วันนี้เป็นวันที่ทรงเครื่องยศใหญ่ เสนามาตย์ราชบริพารแต่งตัวเต็มยกทุกคนที่มารับเสด็จฯ และจะหาวันไหนเป็นโอกาสสอนเป็นมงคลยิ่งเสมอวันนี้ยากนัก เพราะวันแรม 8 ค่ำเป็นวันอาทิตย์นั้น ได้รับความนิยมว่าเป็นมหามงคลยิ่งใหญ่ จะหาวันที่เป็นมิ่งมงคลเช่นนี้ไม่ง่ายนักในขวบปีหนึ่ง โบราณ จึงเขียนไว้เป็นแบบว่า
“จันทร์ตรีศรีสิทธิเก้า ภุมเมทร์
พุธทวัชอัฏฐสุรเยนทร์ เลศลัน
พฤหัสบดิ์จตุรเกณท์ ศุกร์ค่ำ หนึ่งนา
เสาร์ห้าสถาพรพัน โชคใช้ได้เสมอ”
โดยมีพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณนั่งปรกปลุกเสกประกอบด้วย
1.หลวงพ่อเงินวันดอนยายหอม
2.หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
3.หลวงพ่อมุ่ย วัดอนไร่
4.หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม
5.หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์
6.หลวงปู่ธูป วันแคนางเลิ้ง” ฯล เป็นต้น
ขอบพระคุณที่มาข้อมูล:หนังสือมหามงคลแห่งแผ่นดิน
หน้าที่เข้าชม | 3,840,435 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,450,850 ครั้ง |
เปิดร้าน | 25 เม.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 7 ก.ย. 2568 |