เหรียญรูปเหมือนพระราชสังวราภิมณฑ์(หลวงปู่โต๊ะ)ที่ระลึก ครบ 108 ปี วัดประดู่ฉิมพลี ปี 2538 ด้านหลังพระราชทานพระนามาภิไธยย่อ ภปร. และ สก. เนื้อเงินขัดเงา เหรียญกลมใหญ่ขนาด 3.5 ซม.สภาพสวยเดิมกล่องบรรจุเดิมครบสมบูรณ์และหายาก

#เหรียญรูปเหมือนพระราชสังวราภิมณฑ์(หลวงปู่โต๊ะ)
ที่ระลึก ครบ 108 ปี วัดประดู่ฉิมพลี ปี 2538
ด้านหลังพระราชทานพระนามาภิไธยย่อ ภปร. และ สก.
เนื้อเงินขัดเงา เหรียญกลมใหญ่ขนาด 3.5 ซม.
สภาพสวยเดิมกล่องบรรจุเดิมครบสมบูรณ์และหายาก

-เหรียญหลวงปู่โต๊ะ ครบ 108 ปี วัดประดู่ฉิมพลี หลัง ภปร. สก. ปี 2538

-จัดสร้างขึ้นวาระที่ระลึกครบ 108 ปี หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ชิมพลี เมื่อปี พ.ศ. 2538 ผลิตโดยกองกษาปณ์ กระทรวงการคลัง เป็นเหรียญรูปเหมือนของหลวงปู่โต๊ะที่จัดสร้างได้สวยงดงามมาก ลูกศิษย์หลวงปู่ต้องรีบเก็บ เพราะสภาพสวยมาพพร้อมกล่องบรรจุเดิมครบสมบูรณ์อย่างนี้หายากมากๆ

-สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นประธานจุดทียนชัยและทรงอธิฐานแผ่เมตตาบารมี พร้อมกับพระเกจิ จำนวน 30 รูป ตามเลขท้ายปีเกิดหลวงปู่ ปี 2430 นอกจากนี้ยังได้รับพระกรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ พระราชทานพระนามาภิไธยย่อ ภปร และ สก ประดิษฐานด้านหลังเหรียญ  ซึ่งด้านหน้าเป็นรูปเหมือนหลวงปู่โต๊ะ

ประวัติหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี

หลวงปู่โต๊ะท่านเกิดเมื่อวันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ.2430 ที่ตําบลบางพรหม อําเภอบางคณฑี จังหวัดสมุทรสงคราม ตั้งแต่เติบโตหลวงปู่มีความสมใจในการศึกษาหาความรู้ และชอบในเรื่องพระธรรมและการสวดมนต์ และบิดามารดานําท่านมาฝากไว้ที่วัดเกาะแก้ว เพื่อร่ำเรียนหนังสือ จนเมื่อหลวงปู่มีอายุได้ 13 ปี บิดามารดาของท่านได้เสียชีวิต พระภิกษุแก้วซึ่งเป็นญาติกับท่านได้นําหลวงปู่มาอยู่กับพระอธิการสุข เจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลี เมื่อท่านมาอยู่ที่วัดเป็นที่รักของพระอาจารย์ด้วยท่านเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย ตั้งใจเรียนรู้ เมื่ออายุได้ 17 ปี จึงบรรพชาเป็นสามเณรและเป็นศิษย์เรียนพระปริยัติธรรมกับการเจริญสมาธิกรรมฐานกับพระอาจารย์พรหม

ครั้นเมื่ออายุครบ 20 ปี ในปี พ.ศ.2450 ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดประดู่ฉิมพลี มีพระครูสมณธรรมสมาทาน (แสง) วัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นพระอุปัชฌาย์ ด้วยความมุ่งมั่นและชอบในการศึกษาพระธรรม และทางวิชาอาคมหลวงปู่ได้เดินทางไปศึกษาวิชาจากพระอาจารย์เก่งๆ หลายองค์ เช่น พระสังวราห์ (ชุ่ม) วัดพลับ หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน (จากการแนะนําของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ)

โดยหลวงปู่มักจะเดินทางธุดงค์ไปสถานที่ต่างๆ เพื่อเรียนรู้วิชาฝึกกรรมฐานกับพระอาจารย์เก่งๆ อีกหลายๆ องค์ ทั้งท่านยังเคยไปกราบขอคําแนะนําจากหลวงปู่เอี่ยม วัดหนังด้วยเช่นกัน พอถึงเทศกาลเข้าพรรษาจึงกลับมาที่วัดประดู่ฉิมพลีและออกพรรษาจึงไปธุดงค์ต่อ

จนถึงปี พ.ศ.2455 ตําแหน่งเจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลีว่างลง ด้วยความนับถือของชาวบ้านและความเหมาะสม ท่านจึงรับเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัด ด้วยความสงบสร้างความรุ่งเรื่องให้กับวัดประดู่ฉิมพลี และได้รับสมณศักดิ์ทางพุทธศาสนาสูงขึ้นตลอดมา ท่านดูแลวัดด้วยความเมตตากับศิษย์ทุกๆ คน ใครที่มีโอกาสได้มากราบไหว้หลวงปู่โต๊ะที่วัดมักจะศรัทธาให้ความเคารพนับถือถวายตัวเป็นศิษย์ของหลวงปู่ทันที แม้กระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่9) และพระบรมราชินีนาถ รวมถึงพระบรมวงศ์ศานุวงศ์ทุกพระองค์ มีความนับถือศรัทธาในหลวงปู่โต๊ะเป็นอย่างยิ่ง

ตลอดระยะเวลาที่ท่านปกครองวัดสมณศักดิ์ตั้งแต่ระดับพระครูสังฆวิชิตและสูงขึ้นเรื่อยมา จนถึงปี พ.ศ.2521 ได้เป็นพระราชาคณะที่ “พระราชสังวราภิมณฑ์” ท่านเป็นที่นับถือของชาวไทยทั้งประเทศต้องรับนิมนต์ไปสถานที่ต่างๆ รวมถึงงานพุทธาภิเษก ในหลายๆ วัด มักจะต้องนิมนต์หลวงปู่โต๊ะมาร่วมด้วยทุกครั้ง

จนเมื่อท่านมีอายุได้ 93 ปี 74 พรรษาหลวงปู่โต๊ะได้มรณภาพอย่างสงบในวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2524 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์จัดงานศพที่วัดเบญจมบพิตร และทรงเสด็จไปเป็นประธานบําเพ็ญพระราชกุศลหลายๆ วาระ และทรงบําเพ็ญพระราชกุศลออกเมรุพระราชทานเพลิงศพที่หน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่หลวงปู่โต๊ะ และศิษย์ทุกคนอย่างหาที่สุดมิได้ แสดงถึงความมีพระราชศรัทธาเลื่อมใสเป็นพิเศษต่อพระราชสังวราภิมณฑ์ หลวงปู่โต๊ะเป็นยิ่งนัก